แป้งสาลีมีกี่แบบ? เลือกแบบไหนให้เหมาะกับขนมที่ทำ
แป้งสาลี (Wheat flour) เป็นแป้งพื้นฐานที่ใช้ในงานเบเกอรี่แทบทุกประเภท แต่หลายคนอาจไม่รู้ว่าแป้งสาลีแบ่งออกเป็นหลายแบบตามปริมาณโปรตีน ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อ “ความฟู ความนุ่ม และโครงสร้าง” ของขนมแต่ละชนิด บทความนี้อธิบายแบบเข้าใจง่ายว่า แป้งสาลีมีทั้งหมดกี่แบบ ต่างกันอย่างไร และควรเลือกใช้แบบไหนให้เหมาะกับเมนูที่ทำ
1) แป้งทำเค้ก (Cake Flour)
แป้งโปรตีนต่ำ 7–9% ให้เนื้อเค้กที่ฟู เบา และนุ่มที่สุด เพราะสร้างกลูเตนน้อย เหมาะกับเมนูที่ต้องการความละเอียดของเนื้อขนม
เหมาะกับ: เค้กสปันจ์, ชิฟฟ่อน, เค้กเนยสูตรเบา, โรลเค้ก
- เนื้อขนมจะฟูเบากว่าเมื่อเทียบกับ AP
- ให้ผิวเค้กเรียบและนุ่ม
2) แป้งอเนกประสงค์ (All-Purpose Flour)
แป้งโปรตีนกลาง 9–11% ใช้ได้หลากหลายเมนู เหมาะที่สุดสำหรับมือใหม่ เพราะสามารถใช้ทำได้ทั้งเค้ก คุกกี้ มัฟฟิน
เหมาะกับ: คุกกี้, มัฟฟิน, บราวนี่, เค้กเนยทั่วไป
- ให้เนื้อเค้กแน่นกว่าแป้งเค้ก
- ให้ความกรอบในคุกกี้ได้ดี
3) แป้งขนมปัง (Bread Flour)
แป้งโปรตีนสูง 12–14% ทำให้สร้างกลูเตนได้ดี เนื้อขนมยืดหยุ่น เหนียวนุ่ม
เหมาะกับ: ขนมปัง, แป้งพิซซ่า, โดนัท
- ให้โครงสร้างแข็งแรง
- ทำให้ขนมปังยืดหยุ่นและฟูสวย
4) แป้งโฮลวีต (Whole Wheat Flour)
ทำจากเมล็ดข้าวสาลีทั้งเมล็ด มีเยื่อรำและจมูกข้าว ทำให้เนื้อแน่นขึ้นและมีไฟเบอร์สูง
เหมาะกับ: ขนมปังโฮลวีต, มัฟฟิน, คุกกี้สุขภาพ
- มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว
- เนื้อขนมจะหนักกว่าแป้งขาว
เลือกแป้งสาลีแบบไหนดี?
- ทำเค้กนุ่มฟู → เลือกแป้งทำเค้ก
- ทำคุกกี้หรือบราวนี่ → ใช้แป้งอเนกประสงค์ดีที่สุด
- ทำขนมปัง → ใช้แป้งขนมปังเสมอ
- เมนูสุขภาพ → ใช้โฮลวีตผสมแป้งขาว 50:50
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
คอร์สเรียนที่เกี่ยวข้อง
คอร์สพื้นฐานเบเกอรี่ เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น เรียนรู้พื้นฐานการทำขนมแบบลงมือทำจริง
คอร์สเลือกเมนูเอง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเลือกเมนูเองตามเป้าหมาย หรือพัฒนาเมนูทำขาย
อยากเข้าใจการเลือกแป้งให้เหมาะกับขนม?
ในคลาสของ Kanomcake Kitchen คุณจะได้เรียนรู้การเลือกแป้ง เทคนิคการผสม และการอบให้ขนมออกมาสวย ปรึกษาเชฟได้ทั้งในคลาสและหลังเรียนจบ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับแป้งสาลี
แทนได้ แต่เนื้อเค้กจะหนักกว่า หากต้องการเบา นุ่ม เพิ่มแป้งข้าวโพดเล็กน้อยเพื่อช่วยให้เนื้อละเอียดขึ้น
ไม่แนะนำ เพราะโปรตีนสูง ทำให้เค้กเหนียว แข็ง และไม่ฟูอย่างที่ควร
โฮลวีตมีเยื่อรำและจมูกข้าว ทำให้เนื้อแน่นกว่า กลิ่นหอมเข้มกว่า และให้ไฟเบอร์มากกว่า