ตาชั่งดิจิตอลสำหรับทำขนม เลือกแบบไหนดีให้ชั่งได้แม่น

ตาชั่งดิจิตอลทำขนม เลือกแบบไหนดี ใช้ยังไงให้แม่นสำหรับเบเกอรี่

ถ้าอยากทำขนมให้ออกมา “เหมือนเดิมทุกครั้ง” ตาชั่งดิจิตอลถือเป็นอุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้เลย โดยเฉพาะเมนูที่ต้องการความเป๊ะของปริมาณ เช่น เค้ก มาการอง บราวนี่ หรือขนมสำหรับขายจริงจัง บทความนี้จะพาไปรู้จักวิธีเลือก ตาชั่งดิจิตอลสำหรับทำขนม ว่าควรดูอะไรบ้าง ใช้อย่างไรให้ชั่งได้แม่น พร้อมเคล็ดลับเช็กว่าตาชั่งเพี้ยนหรือยัง

สรุปสั้น ๆ: ถ้าตั้งใจทำขนมจริงจัง แนะนำให้มีตาชั่งดิจิตอลอย่างน้อย 1 เครื่อง เลือกชนิดที่ความละเอียด 1 g หรือ 0.1 g รองรับน้ำหนักขั้นต่ำ 1–2 g และมีปุ่ม Tare สำหรับหักน้ำหนักภาชนะ

ตาชั่งดิจิตอลคืออะไร ทำไมคนทำขนมต้องมี

ตาชั่งดิจิตอล คืออุปกรณ์ชั่งน้ำหนักที่แสดงผลเป็นตัวเลขบนหน้าจอ สามารถชั่งได้ละเอียดมากกว่าตาชั่งแบบเข็ม เหมาะมากสำหรับงานเบเกอรี่ ที่ต้องการความแม่นยำของส่วนผสมเพื่อให้ขนมออกมามีเนื้อสัมผัสและรสชาติสม่ำเสมอ

สูตรขนมส่วนใหญ่ โดยเฉพาะสูตรจากต่างประเทศ จะให้ปริมาณเป็น “กรัม” แทบทั้งหมด การใช้ตาชั่งดิจิตอลทำให้เรา:

  • ชั่งส่วนผสมได้ตามสูตรเป๊ะ
  • ควบคุมคุณภาพขนมให้เหมือนเดิมทุกครั้ง
  • คำนวณต้นทุนสำหรับทำขายได้ง่ายขึ้น

ข้อดีของการใช้ตาชั่งดิจิตอลในการทำขนม

  • แม่นยำกว่าใช้ถ้วยตวง – แป้ง น้ำตาล เนย มีความแน่นไม่เท่ากัน การใช้ถ้วยตวงอาจเพี้ยนได้ง่าย แต่การชั่งเป็นกรัมช่วยลดความคลาดเคลื่อนได้มาก
  • ชั่งได้ละเอียด – เหมาะสำหรับส่วนผสมที่ใช้ในปริมาณน้อย เช่น ผงฟู ผงฟู/โซดา ผงวานิลลา ยีสต์
  • ประหยัดเวลา – วางโถใบเดียว กดปุ่ม Tare แล้วชั่งต่อเนื่องหลายอย่างในใบเดียวได้เลย ไม่ต้องล้าง–เปลี่ยนภาชนะบ่อย
  • เหมาะสำหรับปรับสูตร – เวลาอยากเพิ่มหรือลดสูตร เช่น ทำครึ่งสูตร หรือ 1.5 เท่า การคำนวณเป็นกรัมทำได้ง่ายและแม่นกว่า

ประเภทของตาชั่งดิจิตอลที่ใช้ในเบเกอรี่

ตาชั่งดิจิตอลที่ใช้ในครัวทำขนม แบ่งง่าย ๆ ได้ประมาณนี้

ประเภทช่วงน้ำหนักเหมาะสำหรับ
ตาชั่งดิจิตอลสำหรับครัว (Kitchen Scale) 1 g – 5 kg (โดยประมาณ) ชั่งแป้ง น้ำตาล เนย ส่วนผสมหลักทั่วไป
ตาชั่งดิจิตอลแบบละเอียด (Precision Scale) 0.01 g – 500 g ชั่งผงฟู ผงวานิลลา ยีสต์ หรือส่วนผสมที่ใช้ปริมาณน้อยมาก
ตาชั่งแบบแพลตฟอร์มใหญ่ ถึง 10–15 kg เหมาะกับร้านที่ทำทีละเยอะ ๆ เช่น แบ่งแป้งถุงใหญ่หรือตวงวัตถุดิบล็อตใหญ่

สำหรับคนทำขนมที่บ้านหรือมือใหม่ ส่วนใหญ่ใช้เพียง ตาชั่งดิจิตอลสำหรับครัว 1 เครื่อง ก็เพียงพอแล้ว ส่วนตาชั่งแบบละเอียด (0.01 g) จะเหมาะกับคนที่ทำขนมขั้นสูง หรือสายกาแฟที่ต้องการความเป๊ะของปริมาณผงกาแฟด้วย

วิธีเลือกตาชั่งดิจิตอลสำหรับทำขนม

เวลาซื้อตาชั่งดิจิตอล ไม่จำเป็นต้องเลือกตัวแพงที่สุด แต่ควรดูจุดสำคัญเหล่านี้ให้ครบ

1) ความละเอียดของการชั่ง (Resolution)

บนหน้าจอจะเขียน เช่น 1 g, 0.5 g หรือ 0.1 g

  • 1 g – ใช้ได้ดีสำหรับการชั่งส่วนผสมหลักทั่วไป เช่น แป้ง น้ำตาล เนย
  • 0.1 g – เหมาะกับคนที่เริ่มจริงจังมากขึ้น ใช้ชั่งส่วนผสมที่ต้องการความละเอียดขึ้น
  • 0.01 g – ระดับละเอียดมาก เหมาะสำหรับงานเฉพาะทาง เช่น มาการองบางสูตร หรือสายกาแฟ

ถ้าเพิ่งเริ่มทำขนม แนะนำให้เลือกตาชั่งที่ละเอียด อย่างน้อย 1 g และถ้าเจอรุ่นที่ละเอียด 0.1 g และราคาโอเค ก็ถือว่าคุ้มสำหรับใช้ระยะยาว

2) น้ำหนักขั้นต่ำและน้ำหนักสูงสุดที่รองรับ

ตาชั่งบางตัวจะไม่อ่านค่าน้ำหนักที่เบามาก เช่น ต่ำกว่า 2–3 g ทำให้เวลาชั่งผงฟูหรือยีสต์ปริมาณน้อย ๆ ตัวเลขอาจกระโดดได้ง่าย ควรเลือกเครื่องที่รับน้ำหนักต่ำได้ดี และรองรับน้ำหนักสูงสุดประมาณ 3–5 kg ก็เพียงพอสำหรับทำขนมทั่วไป

3) ขนาดถาดวางและรูปทรง

ถ้าทำขนมบ่อย แนะนำให้เลือกตาชั่งที่มีถาดวางกว้างพอจะรองรับโถผสมได้ ไม่บังหน้าจอเวลาชั่ง สามารถมองตัวเลขได้ชัดแม้วางชามขนาดใหญ่

4) ปุ่ม Tare (หักน้ำหนักภาชนะ)

เป็นฟังก์ชันที่ช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้นมาก ใช้วิธีวางโถ–กด Tare ให้ตาชั่งแสดง 0 แล้วค่อยใส่แป้ง น้ำตาล เนยตามลำดับ ทำให้ชั่งในใบเดียว ไม่ต้องล้างโถหลายรอบ

5) หน่วยชั่ง (g / kg / oz)

ส่วนใหญ่สูตรขนมจะใช้ “กรัม” เป็นหลัก แต่ถ้าได้ตาชั่งที่เปลี่ยนหน่วยได้ (กดปุ่มเปลี่ยนหน่วย) ก็ถือว่าเพิ่มความยืดหยุ่น เวลาต้องตามสูตรต่างประเทศที่ใช้หน่วย oz หรือ lb

6) การปิดเครื่องอัตโนมัติ และแบตเตอรี่

ใครที่ชั่งนาน ๆ หรือชั่งไปอ่านสูตรไป ควรเช็คว่าตาชั่งปิดตัวเองเร็วไปไหม บางรุ่นปิดอัตโนมัติไวมาก อาจทำให้ต้องกดเปิดใหม่และตั้งค่าใหม่ตลอด

วิธีใช้ตาชั่งดิจิตอลให้ชั่งได้แม่น

  • วางตาชั่งบนพื้นเรียบ ไม่เอียง – โต๊ะต้องแข็ง และไม่โยกง่าย
  • เปิดเครื่องและรอให้ตัวเลขนิ่ง ก่อนเริ่มชั่งทุกครั้ง
  • ใช้ปุ่ม Tare ทุกครั้งที่เปลี่ยนภาชนะ – เพื่อไม่ให้รวมน้ำหนักชามเข้าไปในสูตร
  • ค่อย ๆ เติมวัตถุดิบ – โดยเฉพาะผงฟูหรือเกลือ ถ้าเผลอเททีเดียวแล้วเกิน จะตักออกยาก
  • อย่าให้น้ำหรือแป้งเลอะเข้าเครื่อง – ระวังขอบ ๆ ตาชั่งที่เป็นร่อง ให้เช็ดออกทันทีหลังใช้งาน

ปัญหาตาชั่งดิจิตอลเพี้ยน เช็กยังไง

ตาชั่งดิจิตอลเมื่อใช้ไปนาน ๆ อาจเริ่มเพี้ยนเล็กน้อย วิธีเช็คง่าย ๆ ได้แก่

  • ใช้วัตถุที่รู้จำนวนน้ำหนักแน่นอน เช่น เหรียญ หรือถุงแป้ง 1 kg ที่ปิดสนิท เทียบดูว่าค่าน้ำหนักใกล้เคียงหรือไม่
  • ลองชั่งซ้ำหลายรอบ โดยยกของขึ้น–ลง ถ้าเลขแกว่งเยอะ แสดงว่าตาชั่งอาจมีปัญหา
  • เปลี่ยนแบตเตอรี่ ถ้าเริ่มรู้สึกว่าเลขขึ้นช้าหรือกระพริบ

ถ้าตาชั่งเพี้ยนมาก ๆ แม้เปลี่ยนแบตแล้ว ยังอ่านค่าไม่คงที่ แนะนำให้เปลี่ยนเครื่องใหม่ โดยเฉพาะถ้าใช้ทำขนมขาย เพราะความแม่นยำส่งผลโดยตรงกับคุณภาพและต้นทุน

ใช้ตาชั่งแบบไหนเมื่อมาเรียนที่ Kanomcake Kitchen

ในคลาสของ Kanomcake Kitchen เราเตรียมตาชั่งดิจิตอลสำหรับทำขนมไว้ให้เรียบร้อยทุกที่นั่ง ผู้เรียนไม่จำเป็นต้องพกตาชั่งมาเอง ถ้าใครยังไม่เคยใช้ตาชั่งดิจิตอลมาก่อน เชฟจะสอนวิธีชั่งส่วนผสมแบบละเอียด ทั้งการใช้ปุ่ม Tare และเทคนิคการปรับสูตร

สำหรับคนที่อยากทำขนมได้อย่างมั่นใจ ควบคุมเนื้อสัมผัสและรสชาติให้ใกล้เคียงสูตรเดิมมากที่สุด แนะนำให้ต่อยอดจากบทความนี้ด้วยการลองมาเรียนในคลาส เช่น

  • คอร์สพื้นฐานเค้ก – ฝึกชั่งส่วนผสมและเข้าใจเนื้อเค้กแต่ละแบบอย่างถูกต้อง
  • คอร์สพื้นฐานเบเกอรี่ – เหมาะกับคนที่อยากวางฐานทฤษฎีและการชั่งตวงให้แม่นทุกหมวด
  • คอร์สเลือกเมนูเอง – เลือกเมนูที่อยากทำ แล้วให้เชฟช่วยดูวิธีชั่งสูตรและปรับสูตรให้เหมาะกับตัวเอง

ในคลาสสามารถ ปรึกษาเชฟได้โดยตรงทั้งในคลาสและหลังจบคลาส เรื่องการเลือกตาชั่งดิจิตอลและอุปกรณ์ทำขนมอื่น ๆ ให้เหมาะกับการใช้งานที่บ้านหรือสำหรับเริ่มทำขาย

อยากชั่งสูตรได้แม่น ทำเค้กให้ออกมาสวยทุกครั้ง?

ถ้าอยากเข้าใจการชั่งตวงและเทคนิคเบเกอรี่แบบลงมือทำจริง ลองเริ่มจากคอร์สพื้นฐานของ Kanomcake Kitchen

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับตาชั่งดิจิตอล

เริ่มจากความละเอียด 1 g ก็เพียงพอสำหรับพื้นฐาน แต่หากทำบ่อย แนะนำ 0.1 g เพื่อความแม่นยำขึ้น

ทำได้ในเมนูง่าย ๆ แต่มีความคลาดเคลื่อนสูง แนะนำให้ใช้ตาชั่งเพื่อให้เนื้อขนมสม่ำเสมอที่สุด

ถ้าตัวเลขนิ่งและไม่แกว่งก็ใช้ได้ แต่ควรเช็กความแม่นยำเป็นระยะ และเปลี่ยนเครื่องเมื่อเริ่มเพี้ยน

ไม่จำเป็นค่ะ เรามีอุปกรณ์ครบ รวมถึงตาชั่ง พร้อมสอนวิธีใช้อย่างถูกต้องให้ทุกขั้นตอน