เลือกซื้อเครื่องตีไข่สำหรับทำเค้กและเบเกอรี่ | Kanomcake Kitchen
เลือกเครื่องตีไข่แบบไหนดี? เปรียบเทียบ Hand Mixer และ Stand Mixer
กำลังเลือกเครื่องตีไข่สำหรับทำเค้กอยู่ไหม? คำถามยอดนิยมของมือใหม่คือ “ควรซื้อเครื่องตีไข่แบบไหนดี ระหว่าง Hand Mixer กับ Stand Mixer?” บทความนี้ Kanomcake Kitchen สรุปความแตกต่าง ข้อดี–ข้อเสีย และวิธีเลือกเครื่องตีไข่ให้เหมาะกับงานทำเค้ก คุกกี้ หรือวิปปิ้งครีม ไม่ว่าจะทำกินเองที่บ้านหรือเตรียมเริ่มต้นทำขาย
การเลือก เครื่องตีไข่ ให้ถูกประเภทตั้งแต่แรก จะช่วยให้เค้กขึ้นฟู เนียนสวย ทำงานง่ายขึ้น และลดโอกาสทำขนมเสียได้มาก โดยเฉพาะสำหรับผู้เริ่มต้น
เครื่องตีไข่คืออะไร ใช้ทำอะไรบ้างในงานเบเกอรี่
เครื่องตีไข่ (Mixer) คืออุปกรณ์ที่ช่วยผสมส่วนผสมให้เข้ากันอย่างรวดเร็วและสม่ำเสมอ ใช้ได้ทั้งงานเค้ก คุกกี้ ขนมปัง และขนมอื่นๆ ทำให้โครงสร้างขนมออกมาดีขึ้น ควบคุมมาตรฐานได้ง่ายกว่าใช้ตะกร้อมือมาก
ถ้าคุณยังเลือกไม่ถูกระหว่างรุ่นมือถือกับตั้งโต๊ะ สามารถดูเปรียบเทียบแบบละเอียดที่ หน้า Hand Mixer
งานที่มักใช้เครื่องตีไข่ เช่น
- ตีไข่ให้ขึ้นฟูสำหรับเค้กสปันจ์หรือชิฟฟ่อน
- ตีเนยกับน้ำตาลให้ฟูเบาสำหรับบัตเตอร์เค้กหรือคุกกี้
- ตีวิปปิ้งครีมให้ตั้งยอด
- ผสมแป้งเค้ก แป้งคุกกี้ หรือแป้งขนมปัง (รุ่นที่มีกำลังวัตต์สูง)
สำหรับมือใหม่ ถ้าเริ่มจากการตีด้วยตะกร้อมือแล้วลองเปลี่ยนมาใช้เครื่องตีไข่ จะรู้สึกได้ชัดเจนว่าเนื้อเค้กฟูขึ้น เนียนขึ้น และเหนื่อยน้อยลงมาก
ประเภทของเครื่องตีไข่ – มือถือและตั้งโต๊ะต่างกันอย่างไร
1) เครื่องตีไข่แบบมือถือ (Hand Mixer)
ตัวอย่างเครื่องตีไข่แบบมือถือ (Hand Mixer)
Hand Mixer เป็นเครื่องตีไข่ขนาดเล็ก จับถือด้วยมือ ใช้งานง่าย เหมาะกับคนที่:
- เพิ่งเริ่มทำเค้ก ทำเบเกอรี่เป็นงานอดิเรก
- ทำปริมาณไม่เยอะ ครั้งละ 1–2 สูตร
- มีพื้นที่ครัวจำกัด ไม่อยากวางเครื่องใหญ่บนเคาน์เตอร์
ข้อดี
- ราคาไม่สูง เหมาะกับมือใหม่เริ่มต้น
- พกพาง่าย น้ำหนักเบา จัดเก็บสะดวก
- เหมาะกับการตีวิปปิ้งครีม หรือผสมแป้งเค้กเล็กน้อย
ข้อเสีย
- ต้องถือเครื่องไว้ตลอด เมื่อทำหลายสูตรจะค่อนข้างเมื่อย
- กำลังวัตต์ไม่สูงมาก ไม่เหมาะกับการตีแป้งขนมปังหรืองานที่หนักมาก
2) เครื่องตีไข่แบบตั้งโต๊ะ (Stand Mixer)
ตัวอย่างเครื่องตีไข่แบบตั้งโต๊ะ (Stand Mixer)
Stand Mixer หรือเครื่องตีไข่แบบตั้งโต๊ะ คือเครื่องผสมที่มีโถและฐานตั้งอยู่กับที่ ไม่ต้องถือขณะทำงาน ใช้มอเตอร์กำลังสูง เหมาะกับคนที่ตั้งใจทำเค้กจริงจังหรือเตรียมตัวทำขาย
ข้อดีของเครื่องตีไข่แบบตั้งโต๊ะ
- กำลังวัตต์สูง ใช้กับแป้งคุกกี้หรือแป้งขนมปังได้
- สามารถปล่อยให้เครื่องทำงานเอง
- โครงสร้างเค้กและเนื้อสัมผัสดีขึ้น เพราะควบคุมความเร็วได้สม่ำเสมอ
ข้อเสีย
- ราคาแพงกว่า Hand Mixer
- ใช้พื้นที่บนเคาน์เตอร์ครัวพอสมควร
เครื่องตีไข่แบบไหน เหมาะกับงานแต่ละประเภท
การเลือก เครื่องตีไข่ ให้ตรงกับลักษณะงานที่ทำ จะช่วยให้เตรียมส่วนผสมได้แม่นยำขึ้น เนื้อเค้กออกมาสม่ำเสมอ และเหมาะทั้งสำหรับมือใหม่และคนที่เริ่มทำขาย
ถ้ายังลังเลระหว่าง Hand Mixer กับ Stand Mixer ตารางด้านล่างนี้คือภาพรวมง่ายที่สุด:
ทั้งสองแบบเป็น เครื่องตีไข่ ที่ให้ผลลัพธ์ต่างกันตามประเภทขนม หากเลือกถูกประเภทจะช่วยให้เตรียมส่วนผสมได้สม่ำเสมอและแม่นยำยิ่งขึ้น
| การใช้งาน | Hand Mixer | Stand Mixer |
|---|---|---|
| ทำเค้กง่ายๆ ทั่วไป | ใช้ได้ เหมาะกับมือใหม่ | ใช้ได้ เนื้อเนียนสม่ำเสมอ |
| ทำคุกกี้เนย / คุกกี้ช็อกชิพ | พอได้ถ้าสูตรไม่หนัก | เหมาะกว่า มีกำลังมากกว่า |
| ตีวิปปิ้งครีม | สะดวก ควบคุมง่าย | ใช้ได้ ทำปริมาณเยอะดี |
| นวดแป้งขนมปัง | ไม่แนะนำ | เหมาะที่สุด (กำลังสูง) |
| ทำขายต่อเนื่อง | ไม่เหมาะ | เหมาะ รองรับงานหนัก |
ถ้าวางแผนทำขายในอนาคต แนะนำให้มองหา Stand Mixer ตั้งแต่ต้น เพราะรองรับงานปริมาณมากได้ดีกว่า และช่วยประหยัดเวลาในครัวได้มาก
วิธีเลือกซื้อเครื่องตีไข่ให้คุ้มที่สุด
1) กำลังวัตต์ – จุดสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
กำลังวัตต์เกี่ยวกับพลังในการตีและความทนทานเวลาใช้งานต่อเนื่อง
- มือใหม่: 300–400W
- ทำจริงจัง: 500–800W
- ร้านเบเกอรี่: 800–1500W
2) ความจุของโถผสม
- 3–5 ลิตร – เหมาะกับบ้านทั่วไป
- 5–7 ลิตร – เหมาะกับทำขาย แต่ก็ขึ้นกับปริมาณที่ทำ
- 8–10 ลิตร – เหมาะกับคาเฟ่ เริ่มต้น
3) ใบพัดและหัวตีมีกี่แบบ
- หัวตะกร้อ – ตีไข่ ตีวิปปิ้งครีม
- หัวใบพาย – ตีเนย ผสมเค้ก
- หัวตะขอ – นวดแป้ง
4) ระดับความเร็ว
ควรมี 6–10 ระดับ เพื่อควบคุมเนื้อครีมและแป้ง
5) น้ำหนัก เสียง และความสั่น
6) การรับประกันและศูนย์บริการ
เครื่องตีไข่ยี่ห้อไหนดี แนะนำตามระดับการใช้งาน
กลุ่มมือใหม่ งบประหยัด – เน้น Hand Mixer
- Electrolux, Philips, Tefal
- กำลังวัตต์ 250–350W
กลุ่มทำจริงจัง เริ่มทำขาย – เน้น Stand Mixer ขนาดกลาง
- โถ 4.5–5 ลิตร
- กำลัง 500–800W
- หัวตีครบ 3 แบบ
กลุ่มเปิดร้านจริงจัง
- โถ 6–7 ลิตรขึ้นไป
- รุ่นที่รองรับงานหนัก
Stand Mixer VS Hand Mixer เลือกอันไหนดี
สรุปแบบง่ายที่สุด:
- เริ่มทำเค้ก – Hand Mixer พอเพียง
- ทำบ่อย / ทำขาย – Stand Mixer คุ้มกว่า
ในคลาสของ Kanomcake Kitchen นักเรียนจะได้เห็นการใช้ทั้ง เครื่องตีไข่มือถือ และ เครื่องตีไข่แบบตั้งโต๊ะ พร้อมเทคนิคดูเนื้อครีมและความฟูของส่วนผสมจริงในคลาส
เครื่องตีไข่แบบไหนเหมาะกับคุณ?
การเลือก เครื่องตีไข่ ให้ตรงกับลักษณะงานที่ทำ จะช่วยให้เตรียมส่วนผสมได้ง่ายขึ้น ช่วยให้ควบคุมเนื้อสัมผัสของเค้กได้ง่ายขึ้น เหมาะสำหรับทั้งมือใหม่และคนที่เริ่มทำขาย
1) มือใหม่เริ่มทำเค้ก
- ใช้งานง่าย ราคาไม่สูง
- เหมาะกับทำเค้ก 1–2 สูตร
- พกพาง่าย ใช้พื้นที่จัดเก็บน้อย
แนะนำ: Hand Mixer เหมาะที่สุดสำหรับเริ่มต้น
2) ทำเค้กบ่อย หลากหลายเมนู
- ต้องการความสม่ำเสมอของเนื้อครีมและแป้ง
- ทำทั้งเค้ก คุกกี้ และวิปปิ้งครีม
- ช่วยประหยัดเวลาเมื่อทำหลายสูตร
แนะนำ: Stand Mixer ขนาด 4.5–5 ลิตร กำลังวัตต์กลาง
3) เริ่มทำขาย ปริมาณมากขึ้น
- ต้องการเครื่องทนทาน ใช้งานต่อเนื่องได้
- เหมาะกับคุกกี้เนย ปริมาณเยอะ
- ต้องการแรงตีที่คงที่ทุกล็อต
แนะนำ: Stand Mixer กำลัง 500–800W ขึ้นไป พร้อมหัวตีครบ
4) เปิดร้านเบเกอรี่จริงจัง
- ทำงานต่อเนื่องทั้งวัน
- รองรับงานหนัก เช่น คุกกี้จำนวนมาก
- ต้องการโถใหญ่ ลดจำนวนรอบการตี
แนะนำ: Stand Mixer 6–7 ลิตรขึ้นไป ใช้งานอึด ทน
เรียนใช้เครื่องตีไข่ที่ Kanomcake Kitchen
เรียนรู้เทคนิคตีไข่ ตีเนย ตีวิปครีม และผสมเค้กให้ได้เนื้อฟูเนียนแบบมืออาชีพ
- คอร์สพื้นฐานเบเกอรี่ – สอนทุกขั้นตอนของการใช้เครื่องตีไข่
- คอร์สเลือกเมนูเอง – เลือกเมนูเค้กที่ต้องการ ฝึกใช้เครื่องตีไข่ตามจริง
หากต้องการดูรายละเอียดแบบเต็มของ เครื่องตีไข่มือถือ (Hand Mixer) สามารถดูได้ที่ หน้า Hand Mixer
ดังนั้นการเลือกเครื่องตีไข่ให้เหมาะกับการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น Hand Mixer หรือ Stand Mixer จะช่วยให้การทำเค้กและเบเกอรี่ของมือใหม่ออกมาสวยและเนียนขึ้นทุกครั้ง
อยากใช้เครื่องตีไข่ให้เป็นแบบมืออาชีพ?
มาเรียนการใช้เครื่องตีไข่ทั้งแบบมือถือและแบบตั้งโต๊ะกับเชฟ สอนแบบลงมือทำจริง เข้าใจง่าย แม้ไม่มีพื้นฐาน
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเครื่องตีไข่
เริ่มต้นแนะนำ Hand Mixer เพราะราคาย่อมเยาและใช้งานง่าย ถ้าทำบ่อยหรือเตรียมทำขาย ให้เลือก Stand Mixer ค่ะ
ไม่แนะนำ เพราะมอเตอร์ไม่แรงพอ ควรใช้ Stand Mixer สำหรับงานนวดแป้งค่ะ
300–400W สำหรับมือใหม่ และ 500–800W สำหรับทำขายค่ะ
บ้านทั่วไปใช้ 3–4 ลิตร ทำขายควรใช้ 5–7 ลิตรค่ะ