ช็อกโกแลตกับผงโกโก้ต่างกันยังไง? เลือกใช้อะไรให้ขนมอร่อยขึ้น
หลายคนเวลาทำเค้กหรือบราวนี่มักสงสัยว่า จะใช้ช็อกโกแลตหรือผงโกโก้ดี บางสูตรใช้ช็อกโกแลตแท่ง บางสูตรใช้ผงโกโก้ หรือบางสูตรใช้ทั้งสองอย่างรวมกัน บทความนี้จะช่วยอธิบายให้เข้าใจแบบคนทำขนม ว่าแต่ละแบบต่างกันยังไง และควรเลือกใช้อะไรในเมนูไหน
ภาพรวม: โกโก้ vs ช็อกโกแลตในงานเบเกอรี่
ทั้ง ผงโกโก้ และ ช็อกโกแลต มาจากเมล็ดโกโก้เหมือนกัน แต่ผ่านกระบวนการคนละแบบ ทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ให้ผลลัพธ์ต่างกันในขนม
- ผงโกโก้: เน้นรสโกโก้เข้ม แต่ไม่เพิ่มความมันมาก เหมาะกับเค้กและบราวนี่ที่อยากได้รสเข้มแต่ไม่หนักเกินไป
- ช็อกโกแลต: มีทั้งโกโก้ ไขมันโกโก้ และน้ำตาล ให้รสเข้มพร้อมสัมผัสนุ่มมัน เหมาะกับงานเคลือบ หน้าเค้ก กานาช และขนมที่อยากได้เนื้อสัมผัสหรูขึ้น
ผงโกโก้คืออะไร? ใช้ทำอะไรได้บ้าง
ผงโกโก้ได้จากการนำเมล็ดโกโก้บดเป็น Cocoa liquor แล้ว รีดเอาไขมัน (cocoa butter) ออกไปส่วนใหญ่ จากนั้นนำส่วนที่เหลือมาบดเป็นผง จึงได้รสช็อกโกแลตเข้ม แต่ไขมันน้อยมาก
- รสชาติ: เข้มขม กลิ่นโกโก้ชัด ไม่มีความหวานในตัว
- ไขมันต่ำ: ทำให้ขนมไม่มันเกินไป ต้องใช้น้ำมันหรือเนยจากส่วนอื่นของสูตรช่วย
- ใช้ในขนม: เค้กช็อกโกแลต บราวนี่ คุกกี้ช็อกโกแลต ฟัดจ์บราวนี่
ถ้าอยากศึกษาเรื่องผงโกโก้แบบละเอียด เช่น ประเภทของผงโกโก้ สี ความเข้ม และการเลือกซื้อ สามารถอ่านต่อได้ในหน้า ผงโกโก้คืออะไร ใช้ทำขนมอะไรได้บ้าง (ปรับลิงก์ตามหน้าที่คุณใช้งานจริงได้เลย)
ช็อกโกแลตคืออะไร? มีกี่แบบ
ช็อกโกแลตสำหรับทำขนมมักจะมี 3 ส่วนหลัก คือ โกโก้โซลิดส์, ไขมันโกโก้ (cocoa butter) และ น้ำตาล บางสูตรอาจมีนมผงและวานิลลาเพิ่มเข้ามา
- ดาร์กช็อกโกแลต (Dark Chocolate): เปอร์เซ็นต์โกโก้สูง (50–70% ขึ้นไป) รสเข้มหวานน้อย เหมาะกับขนมที่อยากได้รสชัด
- มิลค์ช็อกโกแลต (Milk Chocolate): มีนมผงและน้ำตาลเยอะกว่า รสนุ่มหวาน เหมาะกับงานเคลือบและขนมสำหรับเด็ก
- ไวท์ช็อกโกแลต (White Chocolate): ไม่มีโกโก้โซลิดส์ มีแต่ไขมันโกโก้ + น้ำตาล + นม ให้รสมันหวานและกลิ่นนม
ในงานเบเกอรี่แบบมืออาชีพจะนิยมใช้ ดาร์กช็อกโกแลตเปอร์เซ็นต์สูง หรือช็อกโกแลตประเภท Couverture ที่มีไขมันโกโก้สูง ทำให้เนียน เงา และให้รสช็อกโกแลตเต็มที่
ตารางเปรียบเทียบช็อกโกแลตกับโกโก้
| หัวข้อ | ผงโกโก้ | ช็อกโกแลต |
|---|---|---|
| ส่วนประกอบหลัก | โกโก้โซลิดส์ (ไขมันถูกรีดออกไปเกือบหมด) | โกโก้โซลิดส์ + ไขมันโกโก้ + น้ำตาล (และอาจมีนมผง) |
| รสชาติ | เข้ม ขม ชัดเจน ไม่มีความหวานในตัว | เข้ม แต่มาพร้อมความหวานและความมัน |
| ไขมัน | ต่ำ ต้องอาศัยเนยหรือน้ำมันจากส่วนอื่นของสูตร | สูงกว่า ทำให้เนื้อขนมนุ่ม มัน และละมุน |
| เหมาะกับเมนู | บราวนี่ เค้กช็อกโกแลต คุกกี้ช็อกโกแลต | กานาช ซอสช็อกโกแลต เคลือบขนม ทรัฟเฟิล |
| การใช้งานในสูตร | ผสมกับของแห้ง หรือร่อนรวมกับแป้ง | ต้องละลายให้เนียนก่อนผสม |
| ความเข้มของสี | สีเข้มโดยไม่เพิ่มความมัน | ให้สีและเงา พร้อมพื้นผิวที่เนียน |
ถ้าอยากศึกษาเรื่องช็อกโกแลตแบบละเอียด เช่น ประเภทของช็อกโกแลต Couverture และ Compound สามารถอ่านต่อได้ที่ ช็อกโกแลตในการทำขนม เลือกแบบไหนดี
เลือกใช้อะไรในเมนูขนมต่างๆ ดี?
ถ้าดูจากสูตรเบเกอรี่โดยรวม สามารถสรุปง่ายๆ สำหรับมือใหม่ได้ดังนี้
- อยากได้ “รสช็อกโกแลตเข้ม แต่ไม่มันเกินไป” → ใช้ผงโกโก้เป็นหลัก แล้วเสริมไขมันจากเนย
- อยากได้ “เนื้อเนียน มัน หรู ดูแพง” → ใช้ช็อกโกแลตแท่ง (ดาร์กช็อกโกแลต) เป็นองค์ประกอบหลัก
- อยากได้ทั้งรสชัดและสัมผัสนุ่มฟัดจี้ → ใช้ทั้งผงโกโก้ + ดาร์กช็อกโกแลตในสูตรเดียวกัน
สิ่งที่ไม่ควรสับสนคือ “โกโก้ชงดื่ม” ที่ผสมน้ำตาลแล้ว กับ “ผงโกโก้สำหรับเบเกอรี่” เพราะถ้าใช้ผงโกโก้ชงดื่มแทนในสูตรขนม จะทำให้สัดส่วนหวานเพี้ยนและเนื้อขนมเสียได้
ตัวอย่างเมนูที่ใช้โกโก้และช็อกโกแลต
เมนูที่ใช้ผงโกโก้เป็นหลัก
- บราวนี่ผงโกโก้: เนื้อแน่นหนึบ รสเข้ม ใช้ผงโกโก้เป็นตัวให้สีและรส
- เค้กช็อกโกแลตนุ่มฟู: ใช้ผงโกโก้ร่วมกับแป้ง ทำให้เนื้อเค้กเบา ไม่หนักเกินไป
- คุกกี้ช็อกโกแลต: เติมผงโกโก้ในโดว์ ให้รสเข้มแต่คุมความมันได้
เมนูที่ใช้ช็อกโกแลตเป็นหลัก
- กานาช (Chocolate Ganache): ใช้ดาร์กช็อกโกแลตเคี่ยวกับครีมสด ให้สัมผัสเนียนมัน เหมาะสำหรับราดหน้าเค้กหรือแต่งหน้าเค้ก
- ทรัฟเฟิลช็อกโกแลต: ใช้ดาร์กช็อกโกแลตและครีมเป็นหลัก ให้รสเข้ม มัน และละลายในปาก
- เค้กช็อกโกแลตแบบริช: ใช้ทั้งช็อกโกแลตและเนยในปริมาณสูง ให้ความรู้สึกหรูหรา
เมนูที่ใช้ทั้งโกโก้และช็อกโกแลต
- บราวนี่ฟัดจ์: ใช้ผงโกโก้เพิ่มความเข้ม + ดาร์กช็อกโกแลตเพิ่มความมันและเนื้อแน่น
- เค้กช็อกโกแลตหน้าเข้ม: เนื้อเค้กใช้ผงโกโก้ แต่หน้าเคลือบใช้กานาชช็อกโกแลต
วิธีเก็บโกโก้และช็อกโกแลตให้คุณภาพดี
การเก็บผงโกโก้
- เก็บในภาชนะปิดสนิท หลีกเลี่ยงความชื้น
- วางในที่แห้ง อุณหภูมิห้อง ไม่โดนแดด
- ถ้าเก็บนาน กลิ่นและกลิ่นหอมจะค่อยๆ ลดลง ควรใช้ให้หมดภายในเวลาที่ผู้ผลิตแนะนำ
การเก็บช็อกโกแลต
- เก็บในที่แห้ง อุณหภูมิประมาณ 18–22°C (ไม่ร้อนเกินไป)
- หลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิเร็วๆ เพราะอาจเกิดไขมันลอย (fat bloom) ทำให้หน้าช็อกโกแลตขึ้นฝ้า
- เก็บให้ห่างจากกลิ่นแรงๆ เพราะช็อกโกแลตดูดกลิ่นได้ง่าย
อ่านต่อในหมวดวัตถุดิบและเมนูช็อกโกแลต
- ช็อกโกแลตสำหรับทำขนม เลือกแบบไหนดี
- ผงโกโก้คืออะไร ใช้ทำขนมอะไรได้บ้าง
- บราวนี่คืออะไร แบบไหนอร่อย
- ไอเดียเค้กช็อกโกแลตและเทคนิคทำเค้กให้เข้มข้น
ถ้าอยากต่อยอดไปทำขาย ลองดูคอร์สเมนูทำขาย เช่น คอร์สบราวนี่ทำขาย หรือเลือกเมนูเค้กช็อกโกแลตใน คอร์สเลือกเมนูเอง
ดูบทความความรู้เบเกอรี่ทั้งหมด
อยากเข้าใจโกโก้และช็อกโกแลตแบบมืออาชีพ?
เรียนทำบราวนี่ เค้กช็อกโกแลต และเมนูช็อกโกแลตแบบลงมือทำจริง พร้อมอธิบายการเลือกใช้โกโก้และช็อกโกแลตในแต่ละสูตร ผู้เรียนสามารถปรึกษาเชฟได้ทั้งในคลาส และหลังกลับบ้านเมื่อลงมือทำจริง