ผงฟูดับกลิ่นไหม ต่างจากเบกกิ้งโซดายังไง | Kanomcake Kitchen

ผงฟูดับกลิ่นไหม? ต่างจากเบกกิ้งโซดายังไง (แบบเข้าใจง่าย)

หลายคนสงสัยว่า ผงฟูช่วยดับกลิ่นได้ไหม หรือสามารถใช้แทน เบกกิ้งโซดา เวลาต้องการกำจัดกลิ่นคาว กลิ่นอับ หรือกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้หรือไม่ คำตอบคือ “ไม่ได้” เพราะผงฟูถูกออกแบบมาเพื่อ ทำให้ขนมฟู ไม่ใช่ทำปฏิกิริยาดับกลิ่นเหมือนเบกกิ้งโซดา บทความนี้จะอธิบายความต่างแบบเข้าใจง่าย พร้อมตัวอย่างที่ใช้ผิดกันบ่อย

1) ผงฟูคืออะไร?

ผงฟู (Baking Powder) คือส่วนผสมของเบส (เบกกิ้งโซดา) + กรด + สารกันจับตัว ทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เมื่อโดนความร้อน จึงช่วยให้เนื้อเค้ก คัพเค้ก และขนมอบหลายชนิดฟูเบา

  • ออกแบบเพื่อ “ทำให้ขนมขึ้นฟู” โดยเฉพาะ
  • ไม่เหมาะสำหรับการดับกลิ่น
  • ทำงานเมื่อโดนความชื้นและความร้อน
  • บางสูตรเป็น Double-Acting (ทำงานสองรอบ)

2) เบกกิ้งโซดาคืออะไร?

เบกกิ้งโซดา (Baking Soda) หรือโซเดียมไบคาร์บอเนต เป็นด่างอ่อน จึงทำปฏิกิริยาดับกลิ่นได้ดีมาก เพราะช่วยลดความเป็นกรดและดักจับโมเลกุลของกลิ่น ผลที่ได้คือกลิ่นคาวหรือกลิ่นอับจะจางลงอย่างรวดเร็ว

  • ช่วยดับกลิ่นในตู้เย็น อ่างล้างจาน พรม ห้องน้ำ
  • ใช้ล้างผลไม้ ล้างภาชนะ ลดกลิ่นคาว
  • ใช้ในขนมที่มีกรด เช่น โยเกิร์ต น้ำผึ้ง น้ำมะนาว ผงโกโก้
สรุปสั้น ๆ: เบกกิ้งโซดา = ด่าง → ดับกลิ่นได้ / ผงฟู = สารทำให้ฟู → ไม่ได้ออกแบบมาดับกลิ่น

3) ผงฟูดับกลิ่นได้ไหม?

ไม่ได้ เพราะผงฟูมีทั้งกรดและด่างในตัวเอง ทำให้ไม่สามารถทำปฏิกิริยาดับกลิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมือนเบกกิ้งโซดา หากนำผงฟูไปโรยไว้ในตู้เย็นหรือภาชนะ กลิ่นจะไม่ถูกดูดซับ และประสิทธิภาพต่ำมากจนแทบไม่เกิดผล

  • ผงฟูมีสารกรด → ไม่เหมาะกับการดูดซับกลิ่น
  • ผงฟูถูกออกแบบมาเพื่อขึ้นฟูเท่านั้น
  • จะสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุถ้านำไปใช้ดับกลิ่น
ถ้าต้องการดับกลิ่นจริง ๆ: ใช้เบกกิ้งโซดาวางในถ้วยเปิดฝา หรือใช้ผงถ่านกัมมันต์ (activated charcoal)

4) ผงฟู vs เบกกิ้งโซดา ต่างกันยังไง?

หน้าที่หลัก

  • ผงฟู: ทำให้ขนมฟู
  • โซดา: ทำให้ขนมฟู + ดับกลิ่น + ทำปฏิกิริยากับกรด

การทำงาน

  • ผงฟูทำงานเมื่อโดนความร้อนและความชื้น
  • โซดาต้องการกรด เช่น โยเกิร์ต น้ำผึ้ง น้ำมะนาว ผงโกโก้ธรรมชาติ

ใช้แทนกันได้ไหม?

  • แทนกันได้บางกรณี แต่ต้องปรับสัดส่วนกรด–ด่าง
  • ผงฟู = สูตรสำเร็จ แต่โซดาแรงกว่า ต้องใส่น้อยกว่า

5) ใช้ผิดแล้วเกิดอะไรขึ้น?

ใช้ผงฟูแทนเบกกิ้งโซดา

  • ขนมไม่ฟูเท่าที่ควร
  • เนื้อแน่นหรือแบน
  • รสชาติไม่บาลานซ์

ใช้เบกกิ้งโซดาแทนผงฟู

  • ขนมมีรสขม
  • สีเข้มผิดปกติ
  • อาจมีกลิ่น “โซดา” ที่ไม่พึงประสงค์
  • ฟูเร็วแล้วยุบง่าย

6) ควรใช้แบบไหนกับขนมชนิดใด?

เหมาะกับผงฟู

  • เค้กเนย
  • เค้กนมสด
  • คัพเค้ก
  • คุกกี้บางสูตร

เหมาะกับเบกกิ้งโซดา

  • ขนมที่มีกรด เช่น เค้กช็อกโกแลต โยเกิร์ต มัฟฟิ่นบางสูตร
  • คุกกี้ที่ต้องการสีน้ำตาลเข้ม
  • เมนูที่ต้องการดับกลิ่นคาวก่อนผสม

7) การเก็บรักษาผงฟู–โซดา

ผงฟู

  • ควรเก็บในภาชนะปิดสนิท
  • หลีกเลี่ยงความชื้น
  • หมดอายุแล้วขึ้นฟูได้ไม่เต็มที่

เบกกิ้งโซดา

  • เปิดฝาทิ้งไว้ใช้ดับกลิ่นได้ 30–60 วัน
  • ถ้าใช้ทำขนมให้เก็บในกล่องปิดสนิท
  • อายุใช้นานกว่าผงฟู

คอร์สเรียนที่เกี่ยวข้อง

คอร์สพื้นฐานเบเกอรี่ เรียนรู้สูตรพื้นฐาน การใช้ผงฟู–โซดาให้ถูกต้อง พร้อมลงมือทำจริง

คอร์สเลือกเมนูเอง เลือกเรียนเมนูที่ต้องการได้ตามเป้าหมาย ปรึกษาเชฟได้ระหว่างเรียน

อยากเข้าใจผงฟู–โซดา พร้อมลงมือทำขนมจริง?

เรียนรู้การใช้ผงฟูและเบกกิ้งโซดาให้ถูกต้อง เข้าใจปฏิกิริยาที่ส่งผลต่อเนื้อขนม พร้อมทดลองจริงแบบตัวต่อตัว พร้อมปรึกษาเชฟได้ทั้งในคลาสและหลังจบคลาส

คำถามที่พบบ่อย: ผงฟู–โซดา

ผงฟูหมดอายุจะทำให้ขนมขึ้นฟูได้น้อยลง แม้จะไม่อันตราย แต่เนื้อขนมจะแน่นหรือแบน ควรทดสอบโดยหยดลงในน้ำร้อน ถ้ามีฟองขึ้นเร็วแสดงว่ายังใช้ได้

แทนได้ในบางกรณี แต่ต้องเพิ่ม “กรด” ในสูตร เช่น น้ำมะนาว โยเกิร์ต หรือผงโกโก้ ไม่เช่นนั้นจะเกิดรสขมและสีเข้มผิดปกติ

เพราะโซดามีฤทธิ์ด่าง หากใช้มากเกินไปหรือไม่มีกรดมาช่วยปรับสมดุล จะทำให้รสขม กลิ่นฉุน และสีเข้ม ควรใช้ในปริมาณเล็กน้อยเท่านั้น

ผงฟูชนิดนี้ทำงานสองรอบ รอบแรกเมื่อโดนของเหลว และรอบที่สองเมื่อโดนความร้อน ทำให้ขึ้นฟูได้เสถียรกว่า และเป็นชนิดที่ใช้แพร่หลายที่สุด